*“บวรศักดิ์”ชูปฏิรูปคัดกรองบวชพระชั่วคราว-ถาวร พร้อมให้สงฆ์แสดงทรัพย์สินโชว์ปปช.”ดร.มหานิยม”ท้วงติงแรงคิดอะไรแปลกๆไม่เข้าใจวิถึชีวิตพระภิกษุสงฆ์ ยันเจอแรงต้านแน่*
มีรายงานเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ผ่านมา ที่ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ “ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้มอบนโยบายการดำเนินงานแก่ “นางอุดมพร เอกเอี่ยม” ผู้อำนวยการ พศ. พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง
ทั้งนี้ การเข้ามากำกับดูแล พศ. โดยตรงของรองนายกรัฐมนตรี คราวนี้ เป็นผลจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นความพยายามของรัฐบาลชุดปัจจุบันในการปฏิรูปโครงสร้างและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตที่คณะสงฆ์กำลังเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการประพฤติผิดพระวินัยของพระบางรูป การจัดการทรัพย์สินวัดที่ขาดความโปร่งใส รวมถึงความอ่อนแอของกลไกตรวจสอบ
โดย ดร.บวรศักดิ์ เสนอกรอบความคิด “ไตรสดมภ์” คือ พุทธบริษัท พระศาสนา และอาณาจักร ต้องร่วมมือกันปกป้องและธำรงพระพุทธศาสนา โดยไม่จำกัดอยู่เพียงด้านจิตวิญญาณ แต่ต้องเชื่อมโยงกับระบบตรวจสอบและการกำกับดูแลที่โปร่งใสทันสมัย โดยมีนโยบายสำคัญ คือ ตั้งสำนักงานปราบปรามการประพฤติมิชอบในพระศาสนา ทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน สอบสวน และส่งต่อคดีต่อสมเด็จพระสังฆราชและหน่วยงานกฎหมาย เพื่อลดปัญหาภิกษุอลัชชี และสร้างศรัทธาต่อระบบปกครองสงฆ์ ปฏิรูปกระบวนการบวชและแยกการบวชตามประเพณีออกจากการบวชถาวร และนำระบบ “ผ้าขาวถือศีล 8” มาเป็นขั้นตอนก่อนบวช เพื่อคัดกรองผู้เข้าสู่สมณเพศอย่างเข้มงวด เจ้าอาวาสและตำแหน่งปกครองสงฆ์ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายป้องกันการทุจริต และยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. เพื่อเพิ่มความโปร่งใส แยกบัญชีวัดออกจากบัญชีส่วนตัวพระภิกษุ ให้ สตง. ตรวจสอบได้ พร้อมกำหนดให้ใบอนุโมทนาใช้ได้เฉพาะการบริจาคเข้าวัดโดยตรง
ด้าน “ดร.นิยม เวชกามา” หรือ “ดร.มหานิยม” อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีต สส.สกลนคร เขต 2 พรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นว่า ตนเองไม่รู้จักท่านศาสตราจารย์เกียรติคุณดร.บวรศักดิ์ เป็นการส่วนตัวแต่ก็ชื่นชมท่านตั้งแต่ท่านเป็นเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าและท่านเป็นประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่ “พลเอกประยุทธ์ จัทร์โอชา” อดีตนายกรัฐมนตรี สั่งให้ตีตก
“ผมคิดว่าท่าน ดร.บวรศักดิ์ ไม่เข้าใจวิถีชีวิตของพระภิกษุสงฆ์แม้ท่านจะเป็นราชบัณฑิตก็ตาม แม้นโยบายดังกล่าวมุ่งสร้างกลไกเชิงโครงสร้าง แต่ยังเผชิญข้อท้าทาย เช่น การยอมรับจากคณะสงฆ์ การแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ และความเสี่ยงที่อาจถูกมองว่าเป็นการแทรกแซงทางการเมืองต่อศาสนา ทั้งการตรวจสอบพระภิกษุ การคัดกรองผู้บวชใหม่”
“นโยบายของท่านรองนายกฯบวรศักดิ์ ที่ตั้งกำแพงพระจะบวช แยกเป็นบวชถาวรกับบวชชั่วคราว จะให้พระส่งบัญชี ทรัพย์สินแก่ ป.ป.ช.พูดเหมือนพระทำงานมีรายได้ จากงบประมาณหลวง เงินหรือรายได้คือเงินบริจาคซึ่งเกิดจากศรัทธาของชาวพุทธทั้งนั้น แค่คิดก็แปลกแล้ว ท่านบวรศักดิ์ไม่ค่อยเข้าใจ”
“ปัญหาที่ต้องแก้ไขด่วนคือวิกฤตศรัทธา ให้นโยบาย ผู้อำนวยการ พศ.คนเดียวแล้ว ค่อยให้ประสานไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและคณะสงฆ์เพื่อมาร่วมคิดแก้ไขทำงานดีกว่าจะออกนโยบายเช่นนี้ซึ่งผมเชื่อว่าจะต้องมีเสียงคัดค้านอย่างมากมายจากวงการพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนอย่างแน่นอน”
ดร.มหานิยม กล่าวอีกว่า พระหรือสามเณรที่มาบวชในพระพุทธศาสนาทุกวันนี้ยิ่งน้อยอยู่แล้วท่านยังจะมาทำให้ลดลงอีกหรืออย่างไร
“ผมคิดว่าความความคิดของท่านอาจจะมาส่งเสริมพระพุทธศาสนาแต่มองแล้วจะเป็นการทำลายพระพุทธศาสนามากกว่าเพราะเป็นการกีดกันคนเข้ามาสู่พระศาสนาท่านทราบไหมท่านรองนายกฯ พระอาจารย์พุทธทาสภิกขุ ไม่ได้ตั้งใจมาบวชถาวรจะบวชแค่ให้แม่เห็นว่าสักหนึ่งพรรษาแต่แล้วท่านก็บวชจนถึงกับมรณภาพในผ้าเหลืองในสมัยพุทธกาลมีพระอรหันต์หลายรูปที่เข้ามาบวชโดยความจำใจไม่ประสงค์ที่จะบวช พระพุทธเจ้าท่านเห็นอุปนิสัยก็บังคับให้บวชสุดท้ายก็เป็นพระอรหันต์”
“ผมอยากให้ท่านรองนายกฯบวรศักดิ์ ไปดูในพระสติพระไตรปิฎกหรือท่านจะเก่งแล้วก็ตามกลับไปทบทวนอีกครั้งอย่าเอาความผิดของพระผู้ใหญ่ 10 กว่ารูปมาเป็นบรรทัดฐานในการตั้งกำแพงไม่ให้พระบวชมีกฎหมายที่เจียระไนคนเข้าสู่ผ้าเหลืองสู่พระพุทธศาสนาอีกมากเข้มงวดขึ้นมากแล้ว”
“ขอร้องเถอะท่านรองนายกฯท่านอย่ามาทำลายพุทธศาสนาหรือเซาะกร่อน พระพุทธศาสนาเลยแค่นี้วงการสงฆ์ก็วุ่นวายมากพออยู่แล้ว”
“ผมขอให้ท่านรองนายกรัฐมนตรี ดร.บวรศักดิ์ ไปอ่านรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 67 ได้เขียนไว้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาชัดเจนแม้รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะเป็นฉบับร่างของท่านอาจารย์ “มีชัย ฤชุพันธ์”ก็ตามผมชมเชยว่าเป็นการเขียนรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาชัดเจนที่สุด” ดร.มหานิยม ผู้เชี่ยวชาญวงการสงฆ์และพระพุทธศาสนา กล่าว
