เสริมศักภาพ บ้านทุ่งยาว ดอยสะเก็ดฯ ลดคาร์บอน
ฯลดไฟป่าสร้างรายได้ชุมชน“ผลิตถ่านไบโอชาร์“
วันที่ 7-8 ตุลาคม 2568 กลุ่มบริษัทกัลฟ์ (GULF) และ บริษัทเชียงใหม่ เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี จำกัด (CMWTE) นำโดย ดร.กฤษณ์ พงษ์เทพิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ GULF (วิทยากรส่งเสริมโครงการฯ ) ร่วมกับ วิสาหกิจชุมชนอนุรักษ์ป่าต้นน้ำห้วยต้นยาง บ้านทุ่งยาว ม.8 ต.ป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ นำโดย นายสมพงค์ เจริญศิริ กำนันตำบลป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ และประธานวิสาหกิจชุมชนฯ ร่วมกันจัดกิจกรรมต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ “ คืนสมดุลให้ป่าชุมชนด้วยจุลินทรีย์ ” ซึ่งส่งเสริมและสนับสนุนจาก GULF–CMWTE ก้าวสู่ปีที่ 3 โดยมีเป้าหมายในการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำห้วยต้นยาง ซึ่งมีพื้นที่ 2,307 ไร่ โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินงานก้าวหน้าหลายด้าน ได้แก่ การอบรมความรู้ด้านนวัตกรรมจุลินทรีย์ฐานชีวภาพ การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ชุมชน การผลิตสินค้าจากจุลินทรีย์เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และการเกษตร เพื่อเสริมสร้างรายได้แก่ชุมชน อาทิ เช่น ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยน้ำชีวภาพ (อาหารพืช) จุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย และ การเกษตรต่างๆ การอบรมและศึกษาดูงาน การฟื้นฟูป่า ด้วย “ไมคอร์ไรซ่า” การปลูกป่าเพิ่มพื้นที่สีเขียว การทำฝายชะลอน้ำ และ แปลงทดลองป่าไม้เศรษฐกิจด้วยเห็ดไมคอร์ไรซ่า ส่งเสริมครัวเรือนพึ่งตนเอง และปลูกป่าครัวเรือน ฯลฯ ปีที่ผ่านมา ได้ส่งเสริมการรวมกลุ่มจดทะเบียนเป็น “วิสาหกิจชุมชนอนุรักษ์ป่าต้นน้ำห้วยต้นยาง “ กับ สำนักงานเกษตรอำเภอดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เพื่อยกระดับการจัดการสร้างกลไกในการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและขับเคลื่อนงานอนุรักษ์ป่าชุมชนอย่างป็นระบบมากยิ่งขึ้น ตามหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable) โดยกำหนดยุทธศาสตร์เชื่อมโยง 3 องค์ประกอบหลัก คือ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคม ควบคู่กัน รวมถึงการใช้ทรัพยากรป่าไม้ในท้องถิ่น เช่น ใบไม้ เศษไม้ ในป่าซึ่งเป็นเชื้อเพลิงไฟป่าและการย่อยสลายตามธรรมชาติและไฟป่าก่อเกิดคาร์บอนไดออกไซด์ และอื่นๆซึ่งเป็นมลภาวะในอากาศ (ภาวะโลกร้อน) และ เศษวัสดุทางการเกษตรและครัวเรือน นำกลับมาใช้ประโยชน์ในการลดรายจ่ายสร้างผลิตภัณฑ์สร้างรายได้หรือมูลค่าเพิ่มเชิงเศรษฐกิจ และการจัดสรรค์เพื่อเชื่อมโยงพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เป็นต้น
สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ GULF–CMWTE จับมือกับชุมชนบ้านทุ่งยาวฯ และวิสาหกิจชุมชนฯ นำองค์ความรู้ “ การผลิตถ่านไบโอชาร์“ มาอบรมสร้างความรู้และใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพรักษาสิ่งแวดล้อมป่าชุมชน ช่วย กักเก็บคาร์บอนฯ ป้องกันและลดปริมาณเชื้อเพลิงไฟป่า และเป็นการสร้างรายได้ชุมชนอีกช่องทางหนึ่ง โดย ได้รับความรู้จาก วิทยากรผู้เชี่ยวชาญ คือ นายธนกร นันติ ประธานวิสาหกิจชุมชนไม้ดอกเมืองพร้าว การศึกษาเกษตรอัจฉริยะ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ผู้มีประสบการณ์ความสำเร็จ ในโครงการต้นกล้าชุมชนการใช้การผลิตถ่านไบโอชาร์ ผลงานลดพื้นที่ การเผภาคเกษตรกว่า 600 ไร่ ลดคาร์บอนฯภาคเกษตรมากถึง 9,000 กิโลกรัมคาร์บอนต่อเดือน เป็นวิทยากรด้านการผลิตถ่านไบโอชาร์แก่ชุมชนจำนวนมาก เป็นต้น ได้มาร่วมจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ ด้านกระบวนการใช้ เตาไบโอชาร์ผลิตถ่านไบโอชาร์ แก่ชุมชนในพื้นที่บ้านทุ่งยาวฯ และหมู่ๆใกล้เคียง เข้าร่วมกว่า 50 คน และได้สาธิตกระบวนการผลิตจริง โดยผู้เข้าร่วมอบรม ผลการผลิตได้ถ่านไบโอชาร์คุณภาพเยี่ยม อบแห้ง 100 % ซึ่งชุมชนสามารถทำได้ และจะขยายผลต่อไป
ดร.กฤษณ์ พงษ์เทพิน ผช.ผอ.ฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ GULF กล่าวว่า การส่งเสริมนวัตกรรมถ่านไบโอชาร์แก่ชุมชน ว่า ถ่านไบโอชาร์ “ทำหนึ่งได้สาม” ถ่านไบโอชาร์ (Biochar) หรือ ถ่านชีวภาพ เป็นมากกว่าถ่านธรรมดา จากวัสดุชีวมวลจากป่าชุมชน ของเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น กิ่งไม้ ใบไม้ ฟางข้าว หรือซังข้าวโพด ผ่านกระบวนการเผาแบบจำกัดออกซิเจน (Pyrolysis) ซึ่งเป็นกระบวนการที่สร้างคาร์บอนฯแบบเสถียรที่มีรูพรุนสูง นวัตกรรมนี้มีหลายรูปแบบ ถือเป็นว่าเป็นวิธีการที่ดีมาก สามารถสร้างประโยชน์ได้อย่างรอบด้าน ทั้งในมิติของการอนุรักษ์ป่าไม้ รักษาสิ่งแวดล้อม การฟื้นฟูดินทางการเกษตร และการลดคาร์บอน อนุรักษ์ป่า ลดมลภาวะ การผลิตและใช้ไบโอชาร์มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อนและการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างแท้จริง เพราะ การกักเก็บคาร์บอนในดินระยะยาว (Carbon Sequestration) ไบโอชาร์เป็นถ่านที่มีคาร์บอนสูงและมีโครงสร้างที่เสถียรมาก เมื่อนำไปใส่ในดินจะทำหน้าที่เป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอน ได้นานหลายร้อยถึงหลายพันปี ซึ่งช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 ที่จะถูกปล่อยกลับสู่ชั้นบรรยากาศ ทำให้เกิดการ ลดโลกร้อน และชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ สอดคล้องกับกิจกรรมลดไฟป่า ของชุมชนด้วย ลดการเผาในที่โล่งและไฟป่า การนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรและเศษกิ่งไม้ ใบไม้ในพื้นที่ป่าหรือไร่นา มาผลิตเป็นไบโอชาร์ เป็นการจัดการของเสียอินทรีย์วัตถุที่สร้างสรรค์ ช่วย ลดปริมาณเชื้อเพลิง ในธรรมชาติที่เสี่ยงต่อการเกิด ไฟป่า และยังช่วย ลดมลพิษฝุ่นควัน PM 2.5 ที่เกิดจากการเผาในที่โล่ง ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมโดยรวม ช่วยปรับปรุงคุณภาพดินให้พืชเติบโตได้ดีขึ้น ไบโอชาร์สามารถนำไปแช่จุลินทรีย์ เป็น “ถ่านจุลินทรีย์” สารปรับปรุงดินเป็นหัวใจสำคัญของการเกษตรที่ยั่งยืน เพิ่มการอุ้มน้ำ ไบโอชาร์มีรูพรุนสูงมาก (High Porosity) ทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำ ช่วยให้ดินสามารถ เก็บน้ำและความชื้น ได้ยาวนานขึ้น ทำให้พืชทนทานต่อภาวะแล้ง เป็นบ้านของจุลินทรีย์ โครงสร้างรูพรุนเหล่านี้เป็นที่อยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบสำหรับ จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ในดิน ซึ่งช่วยเพิ่มกิจกรรมทางชีวภาพของดิน กักเก็บและปลดปล่อยสารอาหารช่วย กักเก็บสารอาหาร และลดการชะล้างของปุ๋ย (ลดการสูญเสียไนโตรเจนและฟอสฟอรัส) พร้อมทั้งช่วย ลดความเป็นกรดของดิน ทำให้พืชสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น ลดการใช้ปุ๋ยเคมีและเพิ่มผลผลิต การผลิตถ่านไบโอชาร์เป็นเชื้อเพลิง ปรับปรุงดิน จะสร้างอาชีพ สร้างรายได้ จากการเปลี่ยนของเสียที่เหลือใช้ เพิ่มมูลค่าสูง (Waste-to-Wealth) ตามแนวทาง เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในชุมชน ทำให้เกิดการพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น และเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่เชื่อมโยงระหว่างการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าชุมชน และช่วยลดโลกร้อน ด้วยครับ …ดร.กฤษณ์ กล่าว
นายสมพงค์ เจริญศิริ กำนันตำบลป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ และ ประธานวิสาหกิจชุมชน อนุรักษ์ป่าต้นน้ำห้วยต้นยาง กล่าวว่า ชุมชนร่วมจัดโครงการ คืนสมดุลให้ป่าชุมชนด้วยจุลินทรีย์“ กับGULF–CMWTE ด้าวสู่ปีที่3 มีการเปลี่ยนแปลงและเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเป็นอย่างมาก ทั้งยุทธศาสตร์การอนุรักษ์ป่าชุมชน เพิ่มองค์ความรู้ฐานชีวภาพ วิชาการ การสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ งบประมาณ และมีการส่งเสริมต่อเนื่องไม่เพียงแค่ทำกิจกรรมแล้วจบไปจนเกิดระบบกลไกที่เป็นรูปธรรมในวันนี้
วันนี้เป็นอีกกิจกรรมที่ต่อเนื่องที่เพิ่มศักยภาพให้ชุมชน ในการอนุรักษ์ป่าชุมชนห้วยต้นยาง ฯ (ในพื้นที่ 2,307 ไร่ ) ด้วยองค์ความรู้ ”การผลิตถ่านไบโอชาร์ “ นอกจากจะจะช่วยลดเชื้อเพลิงการเกิดไฟป่า โดยเฉพาะเศษไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ที่มีความหนาย่อยสลายยากจะนำมาใช้ประโยชน์เป็นถ่านไบโอชาร์ได้ เพราะมีการเผาไหม้อบความร้อนในอุณหภูมิสูง กว่า 700-800 องศาเซลเซียส (เผาไหม้สมบูรณ์ ) ไม่ก่อมลภาวะในการเผาและลดมลภาวะ คาน์บอนผฯได้ด้วย อีกประการสำคัญยังสร้างผลิตภัณฑ์ถ่านไบโอชาร์คุณภาพใช้ประโยชน์หลายด้าน ซึ่งจะเป็นอาชีพสร้างรายได้แก่คนในชุมชนได้ชัดเจนกล่าวได้ว่า เป็นองค์ความรู้ที่ดีมากมาก ซึ่งจะตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนด้วย ซึ่งชุมชนฯ เรามีวัตถุดิบมหาศาลในป่าชุมชนที่่ทิ้งและเป็นมลภาวะ และเป็นผลดีต่อการอนุรักษ์ป่าไม้อย่่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย ขอบคุณ บริษัท GULF– CMWTE ที่ได้มาส่งเสริมเพิ่มศักยภาพให้กับชุมชนและเกิดประโยชน์ต่อชุมชนในหลายๆด้าน ชุมชนจะได้นำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้การอนุรักษ์ป่าชุมชน ด้าน เศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชนต่อไป ขอขอบคุณครับ