“สมเด็จพระสังฆราช”มีพระบัญชา”พศ.”ประสาน”ตำรวจ”ก่อนลงพื้นที่ขอข้อมูลวัด-พระทั่วประเทศ”ดร.มหานิยม”เข้ากราบพระพุทธรูป700ปีก่อนมีประชุม*

Uncategorized

*“สมเด็จพระสังฆราช”มีพระบัญชา”พศ.”ประสาน”ตำรวจ”ก่อนลงพื้นที่ขอข้อมูลวัด-พระทั่วประเทศ”ดร.มหานิยม”เข้ากราบพระพุทธรูป700ปีก่อนมีประชุม*//////

วันที่ 13 สิงหาคม 2568 หลังจากตำรวจทั่วประเทศได้ปฎิบัติการ “กวาดลานวัด” เข้าไปขอข้อมูลวัด ประวัติพระภิกษุ-สามเณร บัญชีเงินวัด บัญชีส่วนตัว หมายเลขบัตรประชาชน มีการถ่ายรูป ข้อมูลจำนวนตู้บริจาค ก่อให้เกิดความหวั่นไหว ระส่ำระสาย ต่อพระภิกษุสงฆ์ทั่วประเทศ จนเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ที่ผ่านมา “สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก” ในฐานะประธานกรรมการมหาเถรสมาคม ได้มีพระบัญชาผ่านสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) โปรดให้ประกาศว่า

“ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงในพระพุทธศาสนา ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 222/2568 ลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ได้มีมติขอความร่วมมือและขอรับทราบข้อมูลในด้านต่างๆ ของวัด นั้น”
“ต่อมาเกิดความปรากฏว่า มีแนวปฏิบัติที่ลักลั่นกันและอาจมีการกระทำที่ก่อให้เกิดความระส่ำระสาย รู้สึกเป็นภัยคุกคาม เกิดความปริวิตกในคณะสงฆ์ จึงขอให้ดำเนินการซักซ้อมความเข้าใจและประสานรายละเอียดยังส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อความกระจ่างร่วมกัน”

เวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ “พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงในพระพุทธศาสนา ได้แถลงแนวทางการทำงานใหม่ที่สั่งการไปยังตำรวจทุกพื้นที่ รวมถึงฝ่ายปกครองและ กอ.รมน. คือการปรับเปลี่ยนวิธีการเข้าหาพระสงฆ์ให้เหมาะสมและนอบน้อม โดยเน้นย้ำว่าจะ ไม่บุกเข้าวัดโดยไม่แจ้งล่วงหน้า และจะไม่มีการถ่ายรูปลงทะเบียนพระในลักษณะที่ทำให้เกิดความหวาดหวั่นหรือทำให้วัดเสียหายเหมือนที่เคยเป็นมา
บ่ายวันนี้

ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร มีการประชุม มส. โดย “สมเด็จพระมหาวีรวงศ์” เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้นำพระคติธรรมของสมเด็จพระสังฆราช เพื่อเป็นหลักการสำหรับพุทธบริษัทไทยทุกหมู่เหล่าในการที่จะพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนา และคณะสงฆ์ และประกาศสำนักเลขาธิการ มส. เรื่อง แนวปฏิบัติในการส่งมอบข้อมูลของวัดตามข้อหารือเบื้องต้น ในที่ประชุมคณะกรรมการตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 222 / 2568 มาแจ้งต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคม

ทั้งนี้ มีรายงานผลการประชุม มส. ว่า มีมติน้อมรับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช และให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แจ้งไปยังรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยในการเข้าตรวจสอบวัด แต่ละครั้งจะต้องมีเจ้าคณะผู้ปกครอง และ เจ้าหน้าที่ พศ.ร่วมด้วย เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ และเป็นการป้องกันกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนที่มีอคติส่วนตัวใช้การข่มขู่ คุกคาม ตลอดจนหว่านล้อมให้ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งพบเห็นในหลายกรณี
นอกจากนั้นที่ประชุม มส.ได้มีมติ ให้ พศ.แจ้งให้วัดทั่วประเทศทราบว่า ในกรณีของการเข้าตรวจสอบ ไม่อนุญาตให้บัญชีส่วนตัว เพราะนอกจากผิดกฎหมายแล้ว ยังป้องกันการนำบัญชีส่วนตัวหลุดออกไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจถูกนำใช้ไปในทางที่ผิดกฎหมายกฎหมาย เช่น กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว้นกรณีที่มีหมายศาลมาขอเท่านั้น

มีรายงานข่าวอีกว่า ที่ประชุมกรรมการ มส. บางรูปยังกล่าวตำหนิการปฎิบัติของตำรวจว่าไม่ให้เกียรติพระภิกษุสงฆ์ แม้กระทั่งตัวกรรมการ มส.เอง ยังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจให้พระถือบัตรประจำตัวประชาชนถ่ายรูป
จนถูกวิพากษ์วิจารณ์หมู่พระสงฆ์ นักวิชาการ ทนายความ เนื่องจากมองว่า ปฎิบัติเกินหน้าที่ มีการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งรัฐธรรมนูญให้ความคุ้มครอง รวมทั้งละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล บางวัดตำรวจการบุกเข้าไปในยามวิกาลมีอาวุธครบมือ ให้พระถ่ายรูปถือบัตรประจำตัวประชาชน เป็นราย ๆ ตั้งแต่เจ้าอาวาสถึงพระลูกวัด เหมือนอาชญากรร้ายแรง จนมีกระแสข่าวว่า เจ้าอาวาส พระสังฆาธิการหลายวัด มีความประสงค์ลาออก และหลายวัด หลายจังหวัด ประกาศไม่เข้าร่วมกิจกรรมกับตำรวจ ซึ่งก่อให้เกิดความร้าวฉานในสังคมอย่างรุนแรง

ก่อนหน้านั้นเวลา 09.00 น. “ดร.นิยม เวชกามา” หรือ “ดร.มหานิยม” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุชาติ ตันเจริญ) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้ากราบนมัสการ “พระครูเวฬุรัชดาภิรัต” เจ้าคณะแขวงบางคอแหลม เขต 1
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไผ่เงินโชตนาราม แขวงบางโคล่
เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ เลขานุการส่วนตัว “เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์” (สนิท ชวนปัญโญ) เปรียฐธรรม 9 ประโยค ประธานมหาคณิศรกรรมการ มส. เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออกอีสาน เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพฯ เพื่อหารือเกี่ยวกับมติ มส. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการคุ้มครองปกป้องพระพุทธศาสนา และหารือเรื่องเอกสารของพระสังฆาธิการ พระภิกษุสามเณร ที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการ มส.
จากนั้น ดร.มหานิยม และ “นางสาวนิภาภรณ์ (น้ำตาล)เวชกามา บุตรสาว ได้กราบสักการะพระพุทธรูปพระประธานโบราณอายุ 700 ปี สมัยสุโขทัย ของวัดไผ่เงินโชตนาราม ด้วย

//////ดร.นิยม เวชกามา