*”ดร.มหานิยม”รับเรื่องร้องเรียนจากชาวพุทธพร้อมหารือแนวทางป้องกันแก้ปํญหาบ่อนทำลายพุทธศาสนาหลังเกิดเหตุฉาววงการสงฆ์/ล่าสุดมติครม.สั่ง”สุชาติ ตันเจริญ”เข้าคุมเข้มวัด-เงินให้โปร่งใส*

Uncategorized

*”ดร.มหานิยม”รับเรื่องร้องเรียนจากชาวพุทธพร้อมหารือแนวทางป้องกันแก้ปํญหาบ่อนทำลายพุทธศาสนาหลังเกิดเหตุฉาววงการสงฆ์/ล่าสุดมติครม.สั่ง”สุชาติ ตันเจริญ”เข้าคุมเข้มวัด-เงินให้โปร่งใส*

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 14 กรกฎาคม 2568 แกนนำองค์กรพุทธศาสนา จำนวน 20 รูป/คน เป็นพระ 7 รูป ฆราวาส 13 คน ยื่นหนังสือหารือร้องทุกข์ที่ศูนย์รับร้องเรียนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี 111 อาคารสำนักงาน กพ.เดิม
โดยมี “ดร.นิยม เวชกามา” หรือ “ดร.มหานิยม” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ช่วยดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มารับเรื่องและเป็นประธานประชุมหารือกันที่ห้องประชุม 111 สำนักงานการรับเรื่องร้องเรียน
โดยพระสงฆ์เป็นระดับเจ้าอาวาส ผู้ช่วยเจ้าอาวาส พระครูปลัด รวม 7 รูป ส่วนฆราวาสก็เป็นองค์กรที่ต่อสู้ปกป้องพระพุทธศาสนามีทนายความและแกนนำในการต่อสู้ เช่น “นายประพันธ์ กิตติฤดีกุล” เลขาธิการ องค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ (อปพส.) “นายนิรันดร์ ประเสริฐสังข์” เลขาธิการพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ทนายความองค์กรพุทธ (ทนายรามราช) และองค์กรภาคเอกชนรวม 13 คนใช้เวลาในการประชุมแสดงความคิดเห็นเป็นเวลา 4 ชั่วโมง
โดยมีการเสนอความคิดเห็นต่างๆและมีการบันทึกการประชุมโดย “ท่านพระครูใบฎีกาภัทรธรรม” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปริณายก กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรพุทธ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายท่านมีความคิดเห็นว่าวงการพระพุทธศาสนาได้รับผลจากผู้ที่ไม่หวังดีมีเจตนาทำร้ายพระพุทธศาสนาทำร้ายองค์กรแต่ให้ทุกคนช่วยกันมีสติมีความคิดมีศรัทธาในคำสอนซึ่งเป็นคำสอนพระพุทธศาสนาที่ชัดเจน
โดย นายนิรันดร์ ประเสริฐสังข์ ซึ่งเป็นแกนนำคนสำคัญได้แสดงความคิดเห็นหลากหลายในการช่วยเหลือพระพุทธศาสนา ป้องกันบ่อนทำลาย นายประพันธ์กิตติฤดีกุล เลขาธิการองค์กรปกป้องพุทธศาสนาได้นำสำเนาหนังสือที่ได้ทูลเกล้าฯถวายฎีกาต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ไปแล้ว เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ซึ่งที่ประชุมได้นำมาเป็นประเด็นเรื่องหนึ่ง
และที่สำคัญที่สุดซึ่งเป็นประเด็นถกเถียงกันและเป็นเรื่องที่ทำลายจิตใจของชาวพุทธที่สุด คือ มีสีกาเพียงคนเดียวที่ทำลายพระสงฆ์ผู้ใหญ่ถึง 20 รูปอยู่ระหว่างการตรวจสอบ มี 6-7 รูปสึกไปแล้วแต่ยังมีผู้ที่อยู่ในข่ายถูกร้องเรียน บางรูปก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องปาราชิกซึ่งองค์กรพุทธจะต้องเข้าไปดูแลด้วย

เรื่องนี้ ดร.นิยม เวชกามา ในฐานะผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้รับเรื่อง จะต้องนำเรื่องนี้ไปหารือกับ “นายสุชาติ ตันเจริญ” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้กำกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ต่อไป
ส่วนประเด็นดังกล่าวแกนนำองค์กรพุทธได้แสดงความคิดเห็นว่านอกจากพระระดับเถระต้องปาราชิกแล้วผู้กระทำความผิดซึ่งเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวจะต้องมีความรับผิดชอบในการกระทำความผิดมีโทษทางอาญาด้วย เพราะบางเรื่องเข้าข่ายการกรรโชกทรัพย์ บางประเด็นเข้าข่ายการฉ้อโกงและควรจะมีการหามาตรการป้องกันเหตุไม่ให้เกิดขึ้นอีก โดยการตั้งคณะกรรมการ หรือโดยการแก้ไขข้อกฎหมายเอาผิดทั้งพระที่กระทำความผิดและผู้หญิงที่เป็นสาเหตุแห่งการกระทำความผิดด้วยถึงขนาดจำคุกหรือโทษอาญาต่อไป

ด้าน “นายจิรายุ ห่วงทรัพย์” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 “นายภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในที่ประชุม เรื่อง ปัญหาพระภิกษุสงฆ์ กระทำความผิดวินัยสงฆ์ ในกรณีพระชั้นผู้ใหญ่หลายรูปกระทำผิดวินัยสงฆ์ ซึ่งปรากฏว่าพระหลายรูปได้มีการลาสิกขาไปแล้ว แต่ขณะที่ยังมีพระอีกหลายรูป ที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อความศรัทธาของประชาชนต่อพุทธศาสนาของประเทศโดยรวม
จึงขอให้ นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ร่วมกับ มหาเถรสมาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการติดตามพระสงฆ์และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทุกฝ่ายในเรื่องนี้ มาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย และดำเนินตามวินัยสงฆ์ ตลอดจนพิจารณาถึงการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมถึงความผิดในทุกมิติ รวมถึงการบริหารจัดการดูแลเงินของวัดให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา
และให้กระทรวงวัฒนธรรม รณรงค์ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยพุทธที่ถูกต้อง
รวมทั้งวิธีการปฏิบัติตนระหว่างฆราวาส และพระสงฆ์ ในการดำเนินชีวิตตามวิถีขนบธรรมเนียมประเพณีไทย เพื่อธำรงไว้ซึ่งศีลธรรมอันดี ความสงบเรียบร้อยของประชาชนในสังคม///////////ดร.นิยม เวชกามา////khao kon Esan..