“ดร.มหานิยม”เตือนชาวพุทธดึงสติกลับมาทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสัจธรรมไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกรรม/ร้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลอย่างจริงจังสงสัยมีขบวนการจ้องทำลายพุทธศาสนา*

Uncategorized

 *”ดร.มหานิยม”เตือนชาวพุทธดึงสติกลับมาทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสัจธรรมไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกรรม/ร้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลอย่างจริงจังสงสัยมีขบวนการจ้องทำลายพุทธศาสนา*

 

“ดร.นิยม เวชกามา” หรือ “ดร.มหานิยม” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า วันที่ 10 กรกฎาคม 2568 ตรงกับ วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8  เป็นวันอาสาฬหบูชา ชาวพุทธทั่วโลกถือเป็นวันสำคัญที่สุดวันหนึ่งในทางพระพุทธศาสนาคือวันครบองค์ พระรัตนตรัยคือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพราะเป็นวันที่พระสงฆ์เกิดขึ้นครั้งแรกในโลกเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเทศนากัณฑ์แรกของพระพุทธองค์ คือ “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” เป็นปฐมเทศนา

จบลงด้วย “พระอัญญาโกณฑัญญะ” (พระเถระสาวกของพระพุทธเจ้า เป็นหนึ่งในปัญจวัคคีย์ และพระอสีติมหาสาวกผู้เป็นเอตทัคคะในด้านรัตตัญญู คือเป็นผู้รู้ธรรมก่อนใครในพระพุทธศาสนาและได้บวชก่อนผู้อื่น) ได้ดวงตาเห็นธรรมและขออุปสมบทในพระพุทธศาสนาต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้า ด้วยเอหิ ภิกขุ อุปสัมปทา  ที่ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี

ต่อมา ชาวพุทธทั้งไทยและเทศ ตื่นแต่เช้าทำบุญตักบาตรทำวัตรสวดมนต์สมาทานศีลอุโบสถและศีลห้า ในช่วงเย็นก็จะมีการเวียนเทียนตามวัดต่างๆทั้งในกรุงเทพฯและจังหวัดต่างๆทั่วประเทศเพื่อเป็นการรำลึกถึงพระคุณของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

“ดร.มหานิยม” กล่าวว่าในขณะนี้วงการสงฆ์ของไทยกำลังสั่นสะเทือนเพราะมีพระมหาเถระระดับผู้บริหารคณะสงฆ์ถึง 8 รูป ต้องข้อกล่าวหา มีความผิดวินัยอย่างร้ายแรงคืออาบัติปาราชิก กรณีไปมีความเกี่ยวข้องกับผู้หญิงรายหนึ่งและพวก แฝงตัวเข้ามาหวังผลประโยชน์กับพระ

“ศีลของพระภิกษุมี 227 ข้อแต่ข้อที่หนักที่สุดคือปาราชิก เสพเมถุนต้องปาราชิก ฆ่ามนุษย์ต้องปาราชิก ลักทรัพย์ต้อง ปาราชิก อวดอุตริมนุษธรรมที่ไม่มีในตนต้องปาราชิก  พระภิกษุจะบวชวันเดียวหรือบวช 100 ปีเป็นถึงมหาเถรานุเถระก็ต้องถือศีล 227 เหมือนกันโดยเฉพาะถ้าขาดศีลข้อปาราชิก 4 นี้แล้วต้องขาดจากความเป็นพระภิกษุทันทีนับแต่ต้องอาบัติ ปาราชิก ถึงแม้ท่านจะอยู่ในผ้าเหลืองก็ไม่ใช่พระภิกษุ”

ดร.มหานิยม อธิบายต่อไปว่า นี่คือพระวินัยในพระพุทธศาสนาที่ระบุไว้ชัดเจน

“ผมเองไม่ปกป้องผู้ที่กระทำผิดวินัยครุอาบัติ  แต่ที่ผมต้องพูดขอทวงคืนให้แก่ชาวพุทธในวันนี้คือกลุ่มที่มาก่อกวนกลุ่มที่เป็นมารเพื่อสร้างปัญหาให้เกิดความด่างพร้อยแก่ชาวพุทธแก่พระพุทธศาสนาคือคนกลุ่มเดียวกันแก๊งเดียวกันทำเป็นขบวนการโดยมุ่งไปที่พระผู้ใหญ่ที่เป็นพระชั้นปกครองชั้นดูแลเงินทอง มีเงินมีทองเป็นหลัก เริ่มจากอาละวาดจากภาคเหนือแล้วก็มาอาละวาดหาเงินขู่บังคับขู่เข็ญแบล๊คเมล์ทำลายพระสงฆ์ในส่วนกลางด้วยนี่คือปัญหาต้องพูดกัน”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นความแคลงใจของพระภิกษุสงฆ์ชั้นปกครองว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น โดยธรรมชาติของพระสงฆ์ผู้หลักผู้ใหญ่ก็รักพระศาสนาในเมื่อมีปัญหาในเมื่อรู้ตัวเองมีความผิดก็สึกไปถูกต้อง แต่ต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนในชั้นพนักงานสอบสวน”

“เพราะผมดูจากสื่อต่างๆไม่ว่าสื่อใหญ่สื่อเล็กสื่อโซเชียลข้อมูลตรงนี้เป็นเพียงอ้างภาพถ่ายต่างๆแล้วพระเหล่านั้นก็สึกออกไปบางรูปยังยืนยันว่าตัวเองยังไม่ได้กระทำความผิดถึงขนาดนั้นแต่ก็เป็นการรักษาไว้ซึ่งพระพุทธศาสนายอมสึก”

“แต่ผมต้องถามต่อไปว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานมากน้อยแค่ไหน ผมอยากให้ประสานทางคณะสงฆ์ผู้ปกครองสงฆ์ สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เอาความผิดมาพูดกัน เอาหลักฐานมาหารือกัน พระผิดก็ต้องสึกไปแต่พวกที่เป็นบ่อนทำลายต้องมีความผิดด้วยเพราะเป็นเป้าหมาย ดูแล้วผู้หญิงคนเดียวจ้องเป้าหมายเอาพระผู้ใหญ่ถึง 8 รูป ต้องสึกแสดงว่ามีการวางแผนมีการประสงค์ร้ายต่อวงการพระสงฆ์ต่อวงการพุทธศาสนาแน่นอน”

 

“แบบนี้ต้องศึกษาด้วยว่ามาทำอะไร เรื่องแบบนี้มันเกิดมาแล้วตั้งแต่สมัยพุทธกาล”

“ผมต้องขออภัยท่านที่เป็นเพศหญิงเพศแม่ด้วยว่า ผู้หญิงบางคนก็มีส่วนในการทำลายพระภิกษุสงฆ์ ในสมัยพระพุทธเจ้าก็ได้รับการร้องเรียนกล่าวหา แม้แต่พระมหาโมคคัลลานะ พระอัครสาวก ก็ถูกกล่าวหาแต่ท่านเป็นพระอรหันต์ท่านไม่มีการกระทำความผิดแบบนี้”

“แต่กรณีที่เกิดขึ้นเวลานี่้ไม่ใช่พระอรหันต์เป็นพระธรรมดาถูกกล่าวหาอาจผิดพลาดไปก็ต้องรับผิดชอบในการกระทำของตัวเองนั้นถูกต้อง”

“แต่ผมต้องเรียกร้องให้คณะสงฆ์ และ ตำรวจหน่วยงานที่รับผิดชอบตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งแสวงหาความจริงว่าขบวนการที่ต้องการทำร้ายพระสงฆ์ทำร้ายพุทธศาสนาต้องมีความผิดต้องเอาผิดด้วย”

“จะปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วลุกลามใหญ่โตไปข้างหน้าผมว่าไม่ควรมีขึ้นอีกมันเป็นเรื่องสะเทือนใจของชาวพุทธเป็นอย่างยิ่งผมดูแล้วในบางครั้ง มันไม่ใช่เรื่องจริง”

ดร.มหานิยม กล่าวอีกว่า คณะสงฆ์อย่านิ่งนอนใจ ต้องจับมือกันระหว่างคณะสงฆ์ รัฐบาล ตำรวจ องค์กรพุทธต่างๆ มาคุยกันมันถึงเวลาต้องช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนา เพราะเห็นแล้วสลดใจอย่างยิ่ง////////////ดร.นิยม เวชกามา..