*ย้อนกระทู้ถามของ”ดร.มหานิยม”ในสภาเมื่อวันที่ 9กันยายน2564*
จากกรณีอดีต “พระธรรมวชิรานุวัตร” (แย้ม กิตฺตินฺธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จ.นครปฐม และอดีตเจ้าคณะภาค 14 ถูกดำเนินคดีฐานยักยอกเงินวัด จนเป็นข่าวดังสะเทือนวงการพระสงฆ์รวมถึงคำถามเกี่ยวกับเรื่องเงิน-รายได้ของวัดว่าเป็นอย่างไร
จากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 19/วันที่ 9 กันยายน 2564 การเก็บภาษีวัดและพระสงฆ์ โดยสรุปมาจาก กระทู้แยกเฉพาะ ที่ “ดร.นิยม เวชกามา” หรือ “ดร.มหานิยม” สส.สกลนคร เขต 2 พรรคเพื่อไทย ในขณะนั้น ปัจจุบันเป็น ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล) ได้ถาม “นายสันติ พร้อมพัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
โดยกระทู้ถาม การเก็บภาษีวัดและพระสงฆ์
1.วัดที่ได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
2.แนวทางการจัดเก็บภาษีพระสงฆ์ที่มีรายได้จากกิจนิมนต์/พิธีกรรม/เงินเดือน (นิตยภัต)
ซึ่งคำตอบโดยสรุปมีดังนี้
– ที่ดิน-สิ่งปลูกสร้างของวัด ได้รับการ ยกเว้นภาษี หากใช้เพื่อศาสนกิจหรือสาธารณะโดยไม่แสวงหากำไร
– กรณีให้เช่า หากวัดให้เช่าที่ดิน ต้องกำหนดในสัญญาให้ ผู้เช่าเป็นผู้จ่ายภาษี
– อัตราภาษีสำหรับผู้เช่า รายได้ไม่เกิน 1 ล้านบาท/ปี เสียภาษี 200 บาท/ปี
– นิตยภัต (เงินเดือนพระ) ได้รับการ ยกเว้นภาษี เพราะเป็นเงินพระราชทาน
– รายได้จากกิจนิมนต์
— ถ้าไม่เกิน 10 ล้านบาท/ปี ไม่ต้องเสียภาษี
— ถ้า เกิน 10 ล้านบาท/ปี เสียเฉพาะส่วนเกิน
– บรรยาย/วิทยากรในมหาวิทยาลัย ยังไม่มีแนวคิดเก็บภาษี
– เงินกฐิน ถือเป็นการบริจาคให้วัด ไม่ใช่รายได้ของสงฆ์ ไม่ต้องเสียภาษี///////////ดร.นิยม เวชกามา….


