*“ดร.มหานิยม”ประธานประชุมแก้ปัญหาเอกสารสิทธิที่ดินวัดและที่พักสงฆ์หมื่นกว่าแห่งทั่วประเทศ*
วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล ตึกบัญชาการ 2 ห้องประชุม 2503 “ดร.นิยม เวชกามา” หรือ “ดร.มหานิยม” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล) กำกับดูแลสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาศึกษาวัดและที่พักสงฆ์ที่มีปัญหาในการออกเอกสารสิทธิที่ดิน (คณะที่ 1) เป็นประธานการประชุมครั้งที่ 3/2568 เพื่อติดตามความคืบหน้าและพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาเอกสารสิทธิที่ดินของศาสนสถานทั่วประเทศ
โดยในการประชุมได้มีการรับรองรายงานการประชุมครั้งก่อน และรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการแก้ปัญหากรณีวัดและที่พักสงฆ์มีสถานที่ตั้งอยู่ในที่ดินของรัฐ (ค.ก.ว.) ครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ซึ่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล เป็นประธาน โดย ค.ก.ว. ได้รับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการ ทั้ง 4 คณะ และอนุมัติแต่งตั้งอนุกรรมการเพิ่มเติม รวมถึงรับทราบการแต่งตั้งคณะทำงานในคณะอนุกรรมการ คณะที่ 1 เพื่อช่วยในการรวบรวมและสรุปข้อมูลปัญหา
ที่ประชุมคณะอนุกรรมการ คณะที่ 1 ได้พิจารณาศึกษาข้อมูลปัญหาเอกสารสิทธิ์ที่ดินวัดและที่พักสงฆ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 จากการสำรวจของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พบว่ามีวัดและที่พักสงฆ์ประมาณ 11,000 แห่งทั่วประเทศที่ประสบปัญหา โดยส่วนใหญ่เป็นที่พักสงฆ์ 84.7% และปัญหาหลักคือยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดินของรัฐ 92.3% รองลงมาคือปัญหาที่ดินทับซ้อนที่ยังไม่พิสูจน์สิทธิ์ 4.8% และใบอนุญาตหมดอายุ 2.9% ในกลุ่มที่ยังไม่ได้รับอนุญาต ส่วนใหญ่ได้ยื่นขอแล้ว 74.9% ขณะที่ปัญหาที่ดินทับซ้อนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สิทธิ์ 79.5% และปัญหาใบอนุญาตหมดอายุส่วนใหญ่ยังไม่ยื่นเรื่องต่อ 55.4%
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณากรณีศึกษาของวัดที่มีปัญหาการออกเอกสารสิทธิ เช่น วัดพระแท่นดงรัง จ.กาญจนบุรี ที่มีพื้นที่ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติ และอยู่ระหว่างการเพิกถอนพื้นที่บางส่วน แต่ยังออกเอกสารสิทธิ์ไม่ได้ วัดราษฎร์ศรัทธาสามัคคี จ.ขอนแก่น ที่ทับซ้อนที่สาธารณประโยชน์และอยู่ระหว่างรอการสำรวจออกโฉนด และวัดวารีบรรพต จ.ระนอง ที่แม้จะมีพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินแล้ว แต่ยังออกโฉนดไม่ได้เนื่องจากสภาพพื้นที่ลาดชัน รวมถึงกรณีของพักสงฆ์ทุ่งโป่งสุวรรณาราม บ้านโล๊ะป่าตุ้ม ตำบลดอยลาน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นวัดร้างที่ยังตกสำรวจการขึ้นทะเบียนและเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับที่ นสล. ซึ่งวัดพระแท่นดงรังการทะเบียนประวัติสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่าได้ตั้งวัดเมื่อพ.ศ.2300 และได้รับพระราชทานวิสุงคสีมา เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2518 มีพื้นที่ทั้งหมดของวัดที่ทับซ้อนกับที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าพระแท่นดงรังมีเนื้อที่ประมาณ 193 ไร่แต่เนื้อที่ทั้งหมดตามทะเบียน 5,152 ไร่ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระแท่นดงรังจึงได้แจ้งสค.1 ตามแนวเขตโบราณสถานที่ที่กรมศิลปากรประกาศ กระทั่งปีพ.ศ.2517 ได้มีกฎกระทรวงฉบับที่ 693 พ.ศ.2517 กำหนดให้ป่าพระแท่นดงรังเป็นป่าสงวนแห่งชาติซึ่งทางวัดประเทศดงรังไม่ได้ยอมรับและมีข้อผิดพลาดเรื่อยมา กระทั่งเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2566 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566 ข้อ 4.3 การแก้ปัญหากรณีพิพาทป่าสงวนแห่งชาติพระแท่นดงรังทับซ้อนกับวัดพระแท่นดงรัง แต่วัดพระแท่นดงรังก็ยังไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้
การประชุมของคณะกรรมการได้ข้อสรุปโดยผู้แทนจากกรมที่ดิน นายบวรวิทย์ เจริญสิน รักษาการในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการออกหนังสือสำคัญ ยืนยันว่า ทั้งวัดพระแท่นดงรัง และวัดราษฎรศรัทธาสามัคคี ตำบลเปลือย ใหญ่ อำเภอโนนศิลา จังหวัดขอนแก่น ได้มีการสั่งการในออกสำรวจและเตรียมออกเอกสารสิทธิ์ให้เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 นี้ คาดว่าไม่เกิน 3 เดือน
ในส่วนของการแก้ไขปัญหา พระธีรยุทธ ธีรธมฺโม ประธานที่พักสงฆ์ทุ่งโป่งสุวรรณาราม ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะอนุกรรมการฯ เพื่อให้ศึกษาวิธีการแก้ปัญหาที่ดินวัดทับซ้อนกับที่ นสล. โดยเฉพาะ ทั้งนี้ในที่ประชุมเห็นว่าควรจะมีการจัดสัมมนาเพื่อรวบรวมนักกฎหมายจากแต่ละกลุ่มแต่ละกระทรวงเพื่อให้ความเห็นจากงานเสวนานำไปเป็นรูปแบบของการจัดทำเอกสารแนวทางแก้ไขปัญหา
ด้าน นายสุริยน พัชรครุกานนท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ให้ความเห็นในการแก้ปัญหาทะเบียนวัดในหลายเรื่องเป็นประโยชน์ต่อการประชุมของคณะกรรมการชุดนี้อย่างยิ่งและ ว่าเป็นการดีหากจะจัดงานเสวนา ซึ่งตนสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปจัดทำเป็นรูปเล่มในรูปแบบหนังสือและกระบวนการที่ถูกต้อง เพื่อใช้เป็นหลักการและกำหนดรูปแบบต่างๆ ในการให้วัดสามารถขึ้นทะเบียนที่ดินได้อย่างถูกต้องต่อไป///////ดร.นิยม เวชกามา ////นสพ.คน นคร สกล../ khao kon. E san…