*”ดร.มหานิยม”ร่วมประชุม”สมเด็จพระมหาวีรวงศ์”หน่วยงานเกี่ยวข้องหลังมส.เตรียมประกาศนโยบายด้านการศึกษาของพระภิกษุสามเณร*
เวลา 15.00 น. วันที่ 21 เมษายน 2568 มีการประชุมคณะกรรมการศึกษาพระปริยัติธรรมครั้งที่ 1/2568 ที่ห้องประชุมสำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง วัดบวรนิเวศน์วิหาร แขวงวัดบวรนิเวศน์ เขตพระนครกรุงเทพมหานคร “ดร.นิยม เวชกามา” หรือ “ดร.มหานิยม” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายจาก “รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทน ในฐานะรองประธาน คณะกรรมการศึกษาพระปริยัติธรรม โดยมี “สมเด็จพระมหาวีรวงศ์” แม่กองธรรมสนามหลวง วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพมหานคร เป็นองค์ประธานในที่ประชุมและมีกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิเข้าประชุมครบถ้วน มี “นายอินทพร จันทร์เอี่ยม” ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นเลขาคณะกรรมการ
ทั้งนี้ มีวาระที่น่าสนใจหลายเรื่องโดยเฉพาะกรรมการมหาเถรสมาคมเตรียมประกาศนโยบายด้านการศึกษาของพระภิกษุสามเณร 5 ด้าน เช่น ด้านการปรับปรุงกระบวนการศึกษาพระปริยัติธรรมทุกด้าน ให้พระสังฆาธิการทุกระดับพิจารณาสนับสนุนการศึกษาของพระภิกษุสามเณรโดยเฉพาะระดมทรัพยากรทางการศึกษาจากทุกความร่วมมือทุกด้าน สนับสนุนการศึกษาของพระภิกษุสามเณรโดยพิจารณาถึงหลักการเสริมสร้างศักยภาพมนุษย์และการบริหารทรัพยากรบุคคลขยายโอกาสให้พระภิกษุและสามเณรศึกษาเล่าเรียนในด้านสาขาวิชาการต่างๆที่ไม่ขัดกับพระธรรมวินัยให้เจ้าคณะพระภายใต้การกำกับดูแลของเจ้าคณะใหญ่วางแผนและแนวทางการปฏิบัติในระดับภาค ให้เป็นไปตามประกาศ เป็นต้น
นอกจากนั้น “พระธรรมวชิโรดม” เจ้าอาวาสวัดสังเวชวิศยารามวรวิหาร เขตพระนคร เจ้าคณะภาค 6 ในฐานะรองแม่กองธรรมสนามหลวง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และ “นางพลินี เตชะมวลไววิทย์” ผู้อำนวยการ กองจัดทำงบประมาณด้านการบริหาร แทนผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ได้ขอให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการได้เร่งอนุมัติงบประมาณ ปี 2568 ให้แก่สำนักนักเรียนและสำนักศาสนศึกษา 1,941 แห่งทั่วประเทศ โดยแบ่งเป็นสำนักเรียน 108 แห่ง สำนักศาสนศึกษา 1,833 แห่ง ให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคมนี้เพื่อจะได้พิจารณาตั้งงบประมาณในปี 2570 ต่อไป
นอกจากนี้ “ดร.นิยม เวชกามา” ให้คณะกรรมการตรวจสอบระเบียบวาระที่สี่เรื่องขอให้วินิจฉัยปัญหากรณีเจ้าหน้าที่การศึกษาพระปริยัติธรรรม(จศป) แผนกสามัญศึกษาเกี่ยวกับตำแหน่งครูปริยัติธรรมที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งตามข้อ 18 แห่งข้อบังคับของคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรมว่าด้วยการบริหารงานบุคคลการศึกษาพระปริยัติธรรม 2563 ซึ่งใช้คำว่าซึ่งอยู่นอกกรอบอัตรากำลังในอัตราจำนวนครูหนึ่งอัตราต่อนักเรียน 20 เกี่ยวกับข้อสนับสนุนเพื่อเป็นค่าตอบแทนรายเดือนซึ่งสำนักงบประมาณแจ้งว่าให้เกินอัตรานั้นจำนวนหนึ่งคนให้ถือว่าไม่จ่ายค่าตอบแทนให้คณะกรรมการพิจารณาซึ่งถือว่าไม่น่าจะเป็นธรรมแก่ครูซึ่งบรรจุมาแล้วดังนั้นเรื่องนี้ให้นำไปพิจารณาให้รอบคอบแล้วค่อยให้นำมาพิจารณาในคราวต่อไป และที่ประชุมได้อนุมัติให้ตั้งสำนักเรียนได้หนึ่งแห่งที่วัดเทวราชกุญชร เขตดุสิตกรุงเทพฯ และสำนักศาสนศึกษา 1 แห่งที่วัดป่าธาราภิรมย์ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่/__//////////ดร.นิยม เวชกามา
